การจัดแสดงโบราณวัตถุของพิพิธภัณฑ์ทหารเรือ
พิพิธภัณฑ์ทหารเรือได้จัดแสดงวัตถุเป็น ๒ ประเภทคือ จัดแสดงกลางแจ้ง และ จัดแสดงในอาคาร
การจัดแสดงกลางแจ้ง
จัดแสดง อาวุธยุทโธปกรณ์ ขนาดใหญ่ จัดตั้งบนพื้นที่กลางแจ้งบริเวณสนามหญ้าด้านหน้าของตัวอาคารและบริเวณโดยรอบ ดังต่อไปนี้
ร.ล.มัจฉาณุ (ลำที่สอง)
ต่อที่อู่มิตซูบิชิ เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น โดยมีสัญญาเดียวกันกับเรือดำน้ำอีก ๓ ลำ ได้แก่ ร.ล.วิรุณ ร.ล.สินสมุทร และร.ล.พลายชุมพล
สร้างโดยบริษัท GRUMMAN AIRCRAFT ENGINEERING CORPORATION USAประจำการในกองทัพเรือ เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๑ ใช้ในการลาดตระเวนตรวจการณ์ ค้นหา ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล และลำเลียง
- ปลดประจำการ เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๓
- มอบให้พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ เมื่อ ๓๑ต.ค.๒๕๒๙เพดานการบิน ๒๔,๐๐๐ ฟุต
เจ้าหน้าที่ ๖ คน ผู้โดยสาร ๑๔ คน ดัดแปลงติดเปลพยาบาลได้ ๑๒ คน
- จัดซื้อเมื่อปี ๒๔๙๐ สมัย พลเรือเอก หลวงสินธ์ กมลนาวิน ดำรงตำแหน่งเป็น ผู้บัญชาการทหารเรือ ซื้อจากประเทศฟิลิปปินส์กองทัพเรือได้จัดซื้อรถ LVT MK IV เป็นจำนวน ๑๖ คัน ประจำการเบื้องต้นที่กองพาหนะ สถานีทหารเรือสัตหีบ
- วันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๑๒พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ฯ พร้อมด้วย เรือตรี สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์ ฯ ประทับบนรถสะเทินน้ำสะเทินบก LVT MK IV หมายเลข ๑๐๑ เสด็จ ฯ นำทหารนาวิกโยธินขึ้นบกในการฝึก "ทักษิณ ๑๒" ณ หาดบ้านทอน จังหวัดนราธิวาส (ปัจจุบันคือ กรมทหารราบที่ ๓ กองพลนาวิกโยธิน ค่ายจุฬาภรณ์)
วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๒๑ กองทัพเรือได้อนุมัติปลดประจำการ จำนวน ๑๓ คัน ตามสำเนา กรมอู่ทหารเรือ รับที่ ๑๗๗๓๔/๑๖ เรื่อง รุจำหน่ายบัญชี LVT ของ นย.เหลือรถ LVT MK IV ประจำการทั้งสิ้นจำนวน ๙ คัน
ปืนใหญ่โบราณ
ในพระราชพงศาวดารกล่าวว่า เริ่มมีใช้ในกองทัพบกไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยา รัชสมัยพระราเมศวร (พ.ศ. ๑๙๓๑- พ.ศ. ๑๙๓๘)
ปืนใหญ่ของกองทัพบกไทยสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นปืนใหญ่วิถีกระสุนตรงคล้ายปืนใหญ่ทหารราบสมัยใหม่ ลักษณะปืนใหญ่อยุธยา ได้แก่
-ปืนบะเหรียม หรือบะเรียม เป็นปืนใหญ่ทหารราบ ท้ายปืนมีรูปมน ปากกระบอก เรียวและแคบ
-ปืนจ่ารงค์ เป็นปืนใหญ่ทหารราบ ใช้ลาก
-ปืนมนทก เป็นปืนใหญ่ทหารราบ ใช้ลาก
-ปืนนกลับ เป็นปืนใหญ่ทหารราบ มีขาหยั่ง ๒ ขา คล้ายขานกกระยาง บางแห่งจึงเรียกว่า ปืนขานกกระยาง
-ปืนจินดา เป็นปืนทหารราบ ปัจจุบันนี้ใช้เป็นปืนยิงในพิธีตรุษ
การจัดแสดงในอาคาร
จัดแสดงวัตถุพิพิธภัณฑ์ในปัจจุบันจัดดำเนินการเป็น ๒ ลักษณะ คือ การจัดแสดงวัตถุพิพิธภัณฑ์เป็นประจำ และ การจัดแสดงนิทรรศการเฉพาะเรื่องเป็นครั้งคราวแบ่งเป็น ๒ อาคาร ได้แก่
อาคาร ๑ เป็นอาคารปูน ๒ ชั้น สร้างหลังแรกในปี พ.ศ. ๒๕๑๕ ตั้งอยู่ด้านหน้าต่อจากสนามหญ้า การจัดแบ่งออกตามประเภทของโบราณวัตถุและห้องจัดแสดง ดังนี้
ชั้น ๑ อาคาร ๑ จัดแสดง
- ห้องพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
- ห้องสรรพาวุธ
ชั้น ๒ อาคาร ๑ จัดแสดง
- ห้องเทิดพระเกียรติ จอมพลเรือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์
วรพินิต
- ห้องเครื่องลายคราม
- ห้องสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
- ห้องเครื่องแบบ
อาคาร ๒ มี ๓ ชั้นสร้างเพิ่มเติมปี พ.ศ. ๒๕๓๐ เชื่อมต่อกับด้านหลังอาคาร ๑ เป็นอาคารจัดแสดงประวัติศาสตร์กองทัพเรือ นิทรรศการพิเศษและจำลองโบราณวัตถุไว้จำนวนมาก
- เริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๓ เปิดใช้ได้เมื่อวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๔๑๗ ตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา
- สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ผู้สำเร็จราชการในขณะนั้นเป็นผู้ดำเนินการจัดสร้างใช้ทุนทรัพย์ส่วนตัว ตามราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑ พ.ศ. ๒๔๑๗กล่าวว่าค่าก่อสร้างเป็นเงิน ๒๒๕ชั่ง ๕ตำลึง ๕สลึง เท่ากับ ๑๘,๐๒๑.๒๕บาท ที่ ละติจูด ๑๓๐๒๙ / ๒๖ // เหนือ
ลองติจูด ๑๐๐๐๓๕ / ๒๐ / ตะวันออกเมื่อสร้างเสร็จแล้ว สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ได้ยกให้เป็นสมบัติของแผ่นดิน จึงเรียกชื่อประภาคารแห่งนี้เป็นภาษาอังกฤษเพื่อเป็นเกียรติแก่สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ส่วนชื่อภาษาไทยนั้น เลิกใช้วันที่ ๑ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๒เนื่องจากชำรุดทรุดโทรมมาก รวมเวลาที่ใช้อยู่ ๕๕ปี ๒๒วัน
ปืนเที่ยง
- ใช้ในราชการกองทัพเรือสมัยรัชกาลที่ ๕ โดยกองเรือกลชั้น ๔ ได้รับมอบหน้าที่ให้เป็นผู้ยิงปืนเที่ยงที่สนามหญ้าท่าราชวรดิฐ
- การยิงปืนเที่ยง คือ การยิงปืนให้เกิดเสียงดัง เพื่อบอกเวลาเที่ยงวันสำหรับคนไทยได้รู้เวลา และชาวต่างประเทศที่เข้ามาค้าขายจะได้ตั้งเวลาให้ตรงกัน เป็นการสะดวกในการติดต่อนัดหมาย เป็นผู้ทำหน้าที่ยิงปืนเที่ยงทุกวัน หากเป็นช่วงเวลาที่นักเรียนนายเรือรับผิดชอบการยิง ป้อมวิชัยประสิทธิ์คือสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่ใช้ยิงปืนนี้ จนกระทั่งมีไฟฟ้า และวิทยุใช้ จึงเลิกยิงปืนเที่ยง ตามประกาศกระทรวงกลาโหม ลงวันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗
เรือสุวรรณเหรา
ได้รับมอบจากกรมศิลปากรเพื่อดูแลและจัดแสดงให้ประชาชนได้ชม จัดเป็นเรือพระที่นั่งศรี ลำเรือมีลวดลายสวยงาม พระเจ้าแผ่นดินทรงใช้เสด็จลำลอง หรือใช้เป็นเรือพระประเทียบในกระบวนเรือพระราชพิธีสำหรับเจ้านายฝ่ายใน ฝีมือช่างในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) การสร้างเรือพระประเทียบให้มีเก๋งปิดมิดชิด มีหน้าต่างบานเกร็ด ปิด – เปิด ก็เพื่อความสะดวกในการเสด็จประทับแรมยังพื้นที่ห่างไกล และป้องกันการมองจากภายนอก
ตอร์ปิโด
ตอร์ปิโดที่ใช้ในกองทัพเรือมีหลายแบบ ในพิพิธภัณฑ์ทหารเรือมีแบบดังต่อไปนี้
-ตอร์ปิโด แบบ ๔๕ ก นี้ เป็นแบบแรกที่สุดที่มีในราชนาวี ใช้กับเรือตอร์ปิโดที่ ๑, ๒ และ ๓ สร้างขึ้นที่ประเทศอังกฤษ เมื่อปี ค.ศ.๑๘๙๒ (จาก
หลักฐานที่อุปกรณ์) กองทัพเรือได้สั่งซื้อจากประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๑จำนวน ๑๘ ลูก ปัจจุบันได้ปลดระวางหมดแล้ว
-ตอร์ปิโด แบบ ๔๕ ข. และ ๔๕ ค.สั่งซื้อมาใช้ราชการเมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๕และ ๒๔๕๖ จากประเทศญี่ปุ่น
-ตอร์ปิโด แบบ ๕๓ ก.สั่งซื้อมาจากประเทศอังกฤษเมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๓ซึ่งใช้เป็นตอร์ปิโดซึ่งประชาชนชาวไทยได้ร่วมกันบริจาคเงินและร่วมกันถวาย พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์เพื่อทรงจัดซื้อมาประจำการกับ ร.ล.พระร่วง
-ตอร์ปิโด แบบ ๔๕ ง.สั่งซื้อมาจากประเทศอังกฤษเมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๖ซึ่งประจำการในเรือ ร.ย.ฝ. ลำที่ ๒(เรือยามฝั่ง) ปัจจุบันได้ปลดระวางไปแล้ว
-ตอร์ปิโด แบบ ๔๕ จ., จ. ดาว, จ. สองดาวสั่งซื้อมาจากประเทศเดนมาร์ก เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๐จำนวน ๓ รุ่นปัจจุบันนี้ได้ปลดระวางไปหมดแล้ว
-ตอร์ปิโด แบบ ๔๕ ฉ.กองทัพเรือได้สั่งซื้อมาจากประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๐ เป็นตอร์ปิโดที่ผลิตโดยบริษัท มิตซูบิชิใช้ประจำการกับ ร.ล.ชุมพร ร.ล.สุราษฎร์ ร.ล.ชลบุรี และเรือตอร์ปิโดเล็กอีก ๔ ลำ
· ชั้น ๒ อาคาร ๒ จัดแสดง
- จัดแสดงเรือจำลองประเภทเรือพระราชพิธีสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เรือพระราชพิธีมีหลายลำเป็นเรือสำหรับประกอบพระราชพิธีชลมารค
จัดแสดงเรือรบทางทะเลสมัยโบราณประเภทเรือใบและเรือกลไฟ เช่น เรื่อพระที่นั่งครุฑ สร้าง ในรัชกาลที่ ๑ เรือวิทยาคม สร้างในรัชกาล ที่ ๓
เรือยงยศอโยชฌิยา สร้างในรัชกาลที่ ๔ เรือพิทยัมรณยุทธ สร้างในรัชกาลที่ ๕ แสดงหัวเรือมกุฎราชกุมาร (ลำแรก) หัวเรือพาลีรั้งทวีป และหัวเรือ
สุครีพครองเมือง (เรือปืนในรัชกาลที่ ๕ ) ครุฑขนาดใหญ่ติดที่เสาหน้าของเรือพระที่นั่งมหาจักรีลำที่ ๒ ครุฑติดที่หัว เรือหลวงรัตนโกสินทร์
พิพิธภัณฑ์ทหารเรือได้จัดทำภาพยนตร์เกี่ยวกับกิจการทหารเรือไว้ฉายให้ชม คือ เรื่องพระราชวังเดิมกรุงธนบุรี เรื่องยุทธนาวีที่เกาะช้าง เรื่องขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เรื่องวีรกรรมที่ดอนนุ้ย และการยิงจรวดเอกโซเซ่ต์ เป็นต้น